แชร์ประสบการณ์โดน ตม. กักตัวที่จีน ตอนอายุ 14 ก็โหดดีนะ | อูมShare#3
ใครบ้างชอบ ตม.
ไม่น่ามีคนบอกได้เต็มปากหรอก ว่า "ชอบ"แต่ถ้าเปลี่ยนจากชอบ มาเป็นคำว่า "กลัว" น่ะ... ไม่แน่...
____________________________
แล้วทำไมเราถึงต้องกลัว "ตม."
ก่อนอื่น ตม. ย่อมาจาก ตรวจคนเข้าเมือง ( น่าจะรู้กันแล้วใช่มั้ย )
- ตรวจคนเข้า/ออกเมือง = 出入境边防检查 :ชู รู่ จิ้ง เปียนฝาง เจี่ยนฉา
แล้วตม. เนี่ย ก็คือด่านสำคัญที่ทำให้ใจของใครหลาย ๆ คน ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
- สถานการณ์เวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับตม.
- ฉีกยิ้มแป้น เพื่อโชว์ความเฟรนด์ลี่ขั้นสุด บอกเป็นนัย ๆ ว่า "กูมาดีนะว้อยยย"
- ทำหน้านิ่ง ๆ สุขุมนุ่มลึก บ่งบอกให้รู้ว่า "กูชินแล้ว สบาย ๆ โนวอรี่
- มั่นใจเต็มร้อย เพราะคิดว่ายังไงก็เข้าได้ "ก็กูมาเรียนอ่ะะะ จะไม่ให้กูเข้าไง๊"
ซึ่งตูอยู่ในโหมดที่ 3
.
.
— สามสิบวินาทีผ่านไป —
" เธอออกไปไม่ได้! 你不能出去! : หนี่ ปู้ เหนิง ชู ชวี่ ! "
##😱😱😱😱 WTF!! เกิดอะไรขึ้นกับกู๊ววววว
—ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที—
ตม. หญิงที่นั่งอยู่ในเคาท์เตอร์ กำลังเช็คพาสปอร์ตคนเข้าเมืองเหมือนทุกครั้ง ✅❎
แรก ๆ ดูเหมือนจะปกติดี
แต่เอ๊ ทำไมเปิดไปเปิดมาอยู่นั่น แถมยังเหลือบมาจ้องหน้าเราแบบสงสัยอีก
#อื่ม ตอนนี้เริ่มไม่ปกติและ
เพราะสีหน้าของตม.หญิงคนนี้เริ่มมีแววบ่งบอกข่าวร้าย...
ส่วนกูว... หน้าเริ่มเสียอย่างเห็นได้ชัด ( ถึงจะไม่เห็นหน้าตัวเอง แต่ก็รู้สึกได้ )
และสุดท้าย
ผลจบลงที่ ฉันถูกกักตัว
...
🚷
ด้วยความตกใจ เราก็เลยพยายามจะเอาหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ให้ดู ให้เขารู้ว่า "เรามาเรียนที่จีนจริง ๆ นะ"
แต่ตอนนั้นกระเป๋าใส่เอกสารต่าง ๆ และโน๊ตบุ๊ค อยู่กับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เพิ่งผ่าน ตม. ไปเมื่อกี้ และกำลังรออยู่ข้างหน้าในระยะ 3 เมตร
ด้วยความลุกลี้ลุกลน ก็เลยจะเดินออกไปหาเพื่อจะหยิบกระเป๋าใบนั้น...
แต่!! พี่ ตม. จีนรีบเดินมาดึงตัวและพูดประโยคเดิมว่า "เธอเดินออกไปไม่ได้!!" ( จริง ๆ เรียกว่าตะโกนจะดีกว่า )
เราพยายามบอกว่าจะเอาของ ด้วยภาษาจีนที่ไม่แข็งแรง เพราะเพิ่งไปเรียนได้ไม่นาน
แต่ไม่ว่าจะยังไง ตม. ก็ห้ามเราเดินออกจากเส้นที่ขั้นไว้ที่พื้นเด็ดขาด
🚫🚫
🚫🚫
สรุปคือเราต้องเดินเข้าไปในทางเดินพนักงาน ที่มีเหล็กกั้น แล้วถึงค่อยให้รุ่นพี่เอาของมาให้ตรงนั้นได้
แต่เอกสารต่าง ๆ ก็ไม่มีค่าพอที่จะทำให้เราโดนปล่อยตัว...
เพราะ
"วีซ่ามันหมดดดดดดดด!!!"
ใช่ วีซ่านักเรียนของเราหมดอายุ ไปแล้ว
...
"แล้วนี่กูบินข้ามมาได้ไงฟ้ะเนี่ยยยย"
...
เพราะในความเป็นจริง เราไม่ควรได้ผ่านด่านตั้งแต่ประเทศไทยแล้ว
...
"แต่นี่กูมาถึงแล้ววววว แล้วกูก็โดนกักตัวววววว"
#อ๊ากกกก
( จริง ๆ มันก็ความผิดเราเองด้วยที่ไม่เช็คก่อนเดินทาง สมมมมควรรรรร)
😩😩
ตอนนั้นน้ำตาเริ่มคลอเบ้า พนักงานเริ่มวอคุยกัน และกั้นเราออกจากด่านตรวจไปสู่ห้องแห่งความลับ...
ตอนนั้นน้ำตาเริ่มคลอเบ้า พนักงานเริ่มวอคุยกัน และกั้นเราออกจากด่านตรวจไปสู่ห้องแห่งความลับ...
หลังจากได้สัมภาระติดตัวมาครบ ตม. ก็พาเราที่อยู่ในสภาพตื่นตระหนกและน้ำตาไหล
เข้าไปในสถานที่หลังบ้าน ( พูดง่าย ๆ ก็คือห้องทำงานของคนในนั้น )
เข้าไปในสถานที่หลังบ้าน ( พูดง่าย ๆ ก็คือห้องทำงานของคนในนั้น )
เราเข้าไปในห้องนั้น และนั่งที่โซฟาตัวนึง
เรานั่งติดชิดริมโซฟา และร้องไห้ ท่ามกลางพนักงานจีนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นเกือบสิบคน
.
เวลาผ่านไป 🕤จำไม่ได้ว่านานมั้ย ตม. เดินมาบอกว่า "ไฟลท์กลับของเธอคือตอนสองทุ่ม"
ซึ่งตอนที่เกิดเรื่องน่าจะประมาณเจ็ดแปดโมงได้...
เราร้องไห้ไม่หยุด ( เหตุการณ์มันตะเตือนใตเกินไป ) 😭😭😭
เราหยิบสมุดและปากกาขึ้นมา และเริ่มเขึยนไดอารี่ 📝
เขียนไปร้องไป
เขียนจนเริ่มจะหยุดร้อง เพราะเหมือนได้ระบายลงไดอารี่แล้วส่วนหนึ่ง
สักพักเราก็อยู่ในระยะทำใจ 55
และคิดว่ากลับไปจะบอกที่บ้านยังไง แล้วกูจะโดนด่ามั้ย
...
ขณะที่อยู่ในโหมดทำใจอยู่นั้น
ก็มี ตม. ผู้หญิงที่ดูใจดี ยื่นแคร็กเกอร์และน้ำให้กิน
( ขอบคุณนะ ที่ทำให้ได้รู้ว่ายังมีตม. ใจดีอยู่บนโลกใบเน้ 😢~~~ แง )
และไม่นาน ตม. ก็ได้ทำการติดต่อครูที่มารับพวกเราที่สนามบิน ( เซี่ยงไฮ้ )
เห็นคุยกันไปคุยกันมา อยู่ดี ๆ โชคก็เข้าข้าง
เพราะหลังจากที่คุณตม. เจรจา (ไม่รู้กับใครต่อใครบ้างในสายโทรศัพท์ )
จู่ ๆ เราก็โดนพาตัวไปปปปป
ทำ "วีซ่า" !!
ใช่... ทำวีซ่า
ที่สนามบิน
( ห๊ะ ออกวีซ่าที่สนามบินได้ด้วยหรือนี่ เพิ่งจิรู้วววว )
...
...
Shanghai Pudong International Airport |
ขณะที่อยู่ในโหมดทำใจอยู่นั้น
ก็มี ตม. ผู้หญิงที่ดูใจดี ยื่นแคร็กเกอร์และน้ำให้กิน
( ขอบคุณนะ ที่ทำให้ได้รู้ว่ายังมีตม. ใจดีอยู่บนโลกใบเน้ 😢~~~ แง )
และไม่นาน ตม. ก็ได้ทำการติดต่อครูที่มารับพวกเราที่สนามบิน ( เซี่ยงไฮ้ )
ครูคนจีนคนนี้ที่มารับพวกเรา และฉันตอนอายุ 13 ( ไม่ใช่ตอนที่เกิดเหตุ แต่ก็หน้าประมาณนี้แหล่ะนะ555 ) |
เห็นคุยกันไปคุยกันมา อยู่ดี ๆ โชคก็เข้าข้าง
เพราะหลังจากที่คุณตม. เจรจา (ไม่รู้กับใครต่อใครบ้างในสายโทรศัพท์ )
จู่ ๆ เราก็โดนพาตัวไปปปปป
ทำ "วีซ่า" !!
ใช่... ทำวีซ่า
ที่สนามบิน
( ห๊ะ ออกวีซ่าที่สนามบินได้ด้วยหรือนี่ เพิ่งจิรู้วววว )
...
สรุปว่า
สาเหตุที่จู่ ๆ เราก็ได้ทำวีซ่า ก็เพราะว่าครูใหญ่ที่แผนกนานาชาติของโรงเรียน รู้จักกับคนในสนามบิน ( แต่ไม่รู้ว่ารู้จักกับใครหรอกนะ )
นั่นแหล่ะ ตม. ก็เลยพาเราออกมาทำวีซ่าฉบับพิเศษ ที่ต้องแลกมาด้วยหยดน้ำตา... 555
ขั้นตอนการทำวีซ่าแบบรวดเร็วมากอ่ะ หนึ่งพาไปถ่ายรูปในตู้ถ่ายรูป สอง จำไม่ได้ รู้แต่ว่ามันแป๊ปเดียวมาก
สุดท้าย เราไม่โดนส่งตัวกลับไทย
__________________________________________________________________
ช่วงครุ่นคริส : และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เรารู้สึกจิตตกทุกครั้ง เวลาต้องเข้าด่าน ตม. #555
แล้วตอนนั้นก็คิดว่าทำไมตม. ต้องดุขนาดนั้น ทำไมต้องเสียงดังกะเด็กตัวดำ ๆ ด้วยยย #แง้
แต่วันนี้มองย้อนกลับไป พนักงานเขาก็ทำตามหน้าที่แหล่ะ ซึ่งเราก็ผิดกฏจริง ( ถึงแม้จะเป็นการผิดกฏแบบไม่รู้ตัวก็ตาม ) แล้วด้วยความที่ตอนนั้นเรายังเด็ก ยังรับมือกับเรื่องแบบนี้ไม่ถูก แถมเผชิญหน้าคนเดียวด้วย มันก็เลยสะเทือนใจเป็นพิเศษ
จริง ๆ แล้วนี่ก็เป็นประสบการณ์แย่ ๆ ที่ดี ประสบการณ์หนึ่งนะ
ช่วงครุ่นคริส : และเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เรารู้สึกจิตตกทุกครั้ง เวลาต้องเข้าด่าน ตม. #555
แล้วตอนนั้นก็คิดว่าทำไมตม. ต้องดุขนาดนั้น ทำไมต้องเสียงดังกะเด็กตัวดำ ๆ ด้วยยย #แง้
แต่วันนี้มองย้อนกลับไป พนักงานเขาก็ทำตามหน้าที่แหล่ะ ซึ่งเราก็ผิดกฏจริง ( ถึงแม้จะเป็นการผิดกฏแบบไม่รู้ตัวก็ตาม ) แล้วด้วยความที่ตอนนั้นเรายังเด็ก ยังรับมือกับเรื่องแบบนี้ไม่ถูก แถมเผชิญหน้าคนเดียวด้วย มันก็เลยสะเทือนใจเป็นพิเศษ
จริง ๆ แล้วนี่ก็เป็นประสบการณ์แย่ ๆ ที่ดี ประสบการณ์หนึ่งนะ
...
#ขอให้ทุกคนออกนอกประเทศอย่างไม่ประมาท
ไปละ บรั๊ยBYE
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น